แหล่งกำเนิดเหล็กกล้าหลอมเหลว ถ่านโค้ก ท่อไร้ตะเข็บ และแผ่นเหล็กม้วนจำนวนมากในยุคอุตสาหกรรมของจีน ต่างมีจุดเริ่มต้นที่อันซาน โดยเฉพาะ “อันสตีล กรุ๊ป” (Ansteel Group) ที่ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญของวงการนี้ พิพิธภัณฑ์อันสตีล (Ansteel Museum) ตั้งอยู่เคียงข้างโรงงานผลิตหลักของบริษัทฯ ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่สะท้อนประวัติศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมของจีนยุคใหม่อย่างภาคภูมิ
ด้วยความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง อันสตีลมีบทบาทอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโครงการระดับชาติหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง “ฟู่ซิง” (Fuxing) แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง “บลูเวล 1” (Blue Whale 1) สะพานข้ามทะเลยาวที่สุดในโลก “ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า” หรือแม้แต่เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีน “เหลียวหนิง” (CNS Liaoning) เหล็กกล้าที่ผลิตจากอันสตีลถูกใช้ในโครงการเหล่านี้เสมือนเป็นกระดูกสันหลังแห่งอุตสาหกรรมจีน
แต่ใช่ว่าเมืองนี้จะมีเพียงภาพลักษณ์แห่งเครื่องจักรและควันไฟ เพราะหากคุณได้มาเยือนในเดือนพฤษภาคม ทิวทัศน์ธรรมชาติที่เต็มไปด้วยดอกไม้บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิจะเผยโฉมอีกมุมหนึ่งของอันซานที่งดงามไม่แพ้ใคร
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ คือ “จุดชมวิวเฉียนซาน” (Qianshan Scenic Area) ที่เลื่องชื่อในเรื่องภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์ โดยมีตำนานกล่าวขานว่ายอดเขากว่า 999 ยอดนั้นเรียงตัวอย่างงดงามดุจกลีบดอกบัวสีเขียวมรกตไล่ระดับสู่ฟากฟ้า จนได้รับสมญาว่า “ภูเขาพันดอกบัว” ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีป่าไม้ปกคลุมถึงกว่า 95% ทำให้ปริมาณออกซิเจนไอออนลบสูงอย่างโดดเด่น จนได้รับการยกย่องจากสมาคมอุตุนิยมวิทยาจีนว่าเป็น “บาร์ออกซิเจนตามธรรมชาติของจีน”
และหากพูดถึงความรื่นรมย์ในการพักผ่อน “น้ำพุร้อนถังกังจือ” (Tanggangzi Hot Spring) ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 4A ของประเทศ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาด ด้วยน้ำแร่ธรรมชาติที่ไหลเวียนจากใต้ดินในอุณหภูมิเฉลี่ยราว 72 องศาเซลเซียส เชื่อกันว่ามีคุณสมบัติช่วยบำรุงสุขภาพและผ่อนคลายทั้งกายใจ
อันซานจึงเป็นเมืองที่สามารถหลอมรวมความร้อนแรงแห่งอุตสาหกรรมเข้ากับความนุ่มนวลของธรรมชาติและวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว